กลเม็ดเคล็ดโกงซื้อขายของออนไลน์...คนซื้อคนขายต้องระวังอะไรกันบ้าง
ปัจจุบันการซื้อขายของผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Instragram หรือ Online Shop เป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆ ปี 58 ที่ผ่านมามีมูลค่าการตลาดรวม 4.2 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตมากถึง 20% นับเป็นอัตราการเติบโตมากขึ้นมาก ๆ แต่หากเทียบมูลค่าค้าปลีกในประเทศไทยแล้ว การขายของออนไลน์มียอดขายไม่ถึง 1% ของปริมาณค้าปลีก ซึ่งหากดูแนวโน้ม อัตราการเติบโตแล้ว ก็ยังคงขยายอย่างรวดเร็วต่อเนื่องต่อไป เมื่อดูตัวเลขสัดส่วนการซื้อขายของออนไลน์ในต่างประเทศ จะพบว่าการซื้อขายของออนไลน์จะเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 10% ของยอดค้าปลีก เช่น จีน อังกฤษ สหรัฐอเมริกามีสัดส่วนเป็น 10%, 13% และ 9% ของยอดค้าปลีกรวม คาดว่าไทยเองจะขยายตัวเป็นสัดส่วน 7-8% ภายใน 5 ปี และมียอดขายรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาทเลยทีเดียว
แน่นอนว่าปริมาณเงินมหาศาลที่จะผ่านระบบการขายของออนไลน์ในอนาคตใกล้ จะทำให้มีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา ทั้งแฝงตัวมาเป็นคนขาย รวมถึงแฝงตัวเป็นคนซื้อก็ได้ การซื้อขายออนไลน์ในประเทศไทย โดยเฉพาะแม่ค้า Facebook, Line และ Instragram ระบบการขายในเมืองไทยมีช่องว่างให้โกงมากมาย แต่การซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ในไทยนั้น ส่วนใหญ่ลูกค้าต้องให้ความไว้วางใจกับพ่อค้าแม่ค้าพอสมควร เพราะส่วนมากสั่งของแล้วจะต้องโอนเงินผ่านบัญชีให้ทางร้านเลย จากนั้นจึงรอสินค้า ซึ่งไม่ได้มีอะไรการันตีได้ว่าเมื่อโอนเงินไปแล้วจะได้ของที่ต้องการ อาจจะไม่ได้รับเลย หรือสินค้าที่ได้มาไม่ตรงสเปค ของปลอม ฯลฯ
การใช้บริการจากผู้ขายออนไลน์ขนาดใหญ่ที่เชื่อถือได้ เช่น iTrueMart, Lazada, Central Online หรืออีกหลาย ๆ ผู้ให้บริการที่เปิดใหม่เข้ามา อาจไม่มีปัญหาข้างต้น แต่การเลือกซื้อสินค้าที่ไม่ได้เห็นตัวสินค้าก่อนก็ถือเป็นความเสี่ยง สินค้าบางอย่างมีความจำเป็นต้องทดลองใช้ หรือเสื้อผ้าต้องลองสวมก่อน เพราะอาจดูไม่สวยอย่างในรูปได้ เป็นต้น
ต่อไปเป็นการรวบรวมกลเม็ดเคล็ดโกงจากการซื้อขายของออนไลน์ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นข้อสังเกตและบทเรียนเพื่อป้องกันการถูกหลอกได้
ตัวอย่างการโดนโกงสุดคลาสสิคของผู้ซื้อ (อ้างอิงจาก http://pantip.com/topic/30089996) ผู้ซื้อต้องการซื้อนิยายแวมไพร์ ทไวไลท์ จึงโพสต์ประกาศแจ้งความจำนงค์ว่าอยากซื้อ ได้มีคนเข้ามาติดต่อและได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์เรื่องหนังสือ จากผู้ต้องการขายรายหนึ่ง มีการติดต่อผ่าน Line กันเป็นอย่างดี ผู้ซื้อได้โอนเงิน 900 บาทเป็นค่าหนังสือ โอนเสร็จปรากฏว่าผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้จะขายก็หายไปในอากาศ ติดต่อไม่ได้ทุกช่องทาง กรณีนี้เป็นกันบ่อย และที่สำคัญเป็นกันเยอะมากเพราะความไว้ใจจากผู้ซื้อนั่นเอง โอกาสในการติดตามได้เงินคืนมีน้อยมาก
อีกกรณีหนึ่งที่ผู้ซื้อถูกโกง ผู้ขายไม่ได้โกงแต่อาจต้องติดคุก กรณีนี้เกิดขึ้นจริงและน่าเห็นใจอย่างมาก เรื่องคือได้มีการตกลงซื้อขายของชิ้นหนึ่งออนไลน์ คนร้ายหลอกผู้ซื้อให้โอนเงินมาให้เจ้าของบัญชีคือผู้ขาย เมื่อโอนเงินเสร็จคนร้ายก็นัดผู้ขายส่งมอบสินค้า แล้วคนร้ายก็ได้ของไปฟรี ๆ เหมือนซื้อของโดยให้ผู้ต้องการซื้อจริงจ่ายเงินให้นั่นเอง ผู้ซื้อเมื่อไม่ได้รับสินค้าก็แจ้งตำรวจ เจ้าของบัญชีปลายทางรับโอนก็ถูกจับดำเนินคดี ศาลชั้นต้นพิจารณาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา อุทธรณ์ก็ยืนยันตามชั้นต้น (ไม่ทราบว่าขณะนี้คดีถึงไหนเพราะไม่มีอัพเดท) กรณีนี้ผู้ขายและผู้ซื้อถูกหลอก ผู้ขายไม่สามารถหาข้อมูลยืนยันตัวคนร้ายที่นัดรับของไปได้ แต่มีหลักฐานว่าเงินเข้าบัญชีผู้ขายจริง จึงเป็นหลักฐานการกระทำผิดโดยสมบูรณ์ ดังนั้นหากเป็นสินค้าที่มีราคาสูงและมีการนัดรับของกันอยู่แล้ว ผู้ขายควรระบุกับผู้ซื้อไว้ก่อนเลยว่าให้เห็นของแล้วค่อยจ่ายเงิน ซึ่งจะปลอดภัยทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ขายต้องระวังอย่างมากเพราะก็ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ที่มารับสินค้า เป็นผู้ที่โอนเงินมาจริงหรือไม่ ผู้ขายที่สุจริตมีร้านค้าเป็นหลักแหล่งยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะมิจฉาชีพมักแฝงตัวเข้ามาในรูปแบบต่าง ๆ ตามช่องโหว่ของการซื้อขายเสมอ หากมีการโอนเงินเกินจากราคาที่ระบุ ก็ให้โอนกลับทางบัญชีเท่านั้น ห้ามคืนเงินในรูปแบบอื่นเด็ดขาด (อ้างอิงจากความคิดเห็นที่2 จากกระทู้ http://pantip.com/topic/30914150)
มีเคล็ดเล็กน้อยสำหรับผู้ขายว่าไม่ควรนำข้อมูลการส่งสินค้า เช่น ข้อมูลรหัสพัสดุไปรษณีย์มาโพสต์แจ้งรวมที่ Wall เพราะมิจฉาชีพจะนำข้อมูลนี้ไปใช้โกงต่อได้ เช่น ถ้ามีคนต้องการซื้อของและบ้านอยู่ย่านบางบัวทอง คนร้ายจะค้นหาจากรหัสส่งของเหล่านี้จากเว็บของไปรษณีย์ เพื่อหาว่ารหัสไหนส่งของแถว ๆ บางบัวทองบ้าง จากนั้นคนร้ายจะติดต่อกับผู้ซื้อให้ชำระเงิน (การซื้อบางกรณีที่ยังไม่ได้โอนเงินก่อนส่งสินค้า) เมื่อผู้ซื้อชำระเงิน คนร้ายก็แจ้งรหัสส่งของมา เมื่อผู้ซื้อนำรหัสนั้นไปเชคก็จะเห็น status การส่งของ ซึ่งแท้จริงแล้วสินค้านั้น ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ผู้ซื้อต้องการจะซื้อเลย เป็นการสวมอ้างจากมิจฉาชีพที่ใช้ข้อมูลของคนอื่นมาเพื่อหลอกนั่นเอง (อ้างอิง http://pantip.com/topic/30724196)
การซื้อขายของออนไลน์ในประเทศไทย นอกจากเว็บไซต์การซื้อขายที่เป็นที่รู้จักไว้ใจได้ขนาดใหญ่ไม่กี่เจ้า ก็ยังมีการขายของจากผู้ค้าจำนวนมากมายนับพันนับหมื่นราย ข้อจำกัดของการซื้อขายเรื่องการโอนเงินมักเป็นจุดเปราะบางที่ทำให้เกิดการโกง ไม่ว่าจะเป็นการโกงจากทั้งผู้ซื้อหรือทั้งผู้ขายก็ตาม (ส่วนใหญ่ผู้ซื้อมักจะเสียเปรียบเสมอ เพราะเป็นผู้จ่ายเงิน) การมีบริการจ่ายเงินแบบอเมริกาที่เรียกว่า Paypal ช่วยแก้ไขปัญหาส่วนนี้ได้มาก เนื่องจาก Paypal เป็นตัวกลางถือเงินของผู้ซื้อไว้ ผู้ขายก็มั่นใจว่าถ้าส่งของไปก็ได้เงินแน่ ๆ ผู้ซื้อก็มั่นใจว่าผู้ขายจะต้องส่งสินค้ามาให้ตามที่ตกลงแน่นอน หากได้รับของแล้วปรากฏว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ผิดจากที่ตกลงสัญญากันเอาไว้แต่แรก ผู้ซื้อสามารถเรียกระงับการจ่ายเงินจากทาง Paypal โดยมีเหตุผลชี้แจงประกอบ ทาง Paypal จะเป็นตัวกลางแจ้งผู้ขายให้จัดการแก้ไข โดยระหว่างนี้เงินจะยังไม่ถูกโอนให้ผู้ขายจนกว่าออเดอร์นี้จะได้รับการแก้ไขนั่นเอง ทำให้ผู้ซื้อผู้ขายตัวจริงที่ไม่ได้ต้องการจะประกอบมิจฉาทิฎฐิ ใช้บริการ Paypal กันเป็นจำนวนมาก
การซื้อขายของออนไลน์ในไทยจึงมักเป็นการไว้ใจจากทางผู้ซื้อของโอนเงินให้ก่อนเห็นสินค้า ถึงแม้ผู้ซื้อจะรู้ว่าเสี่ยงมาก แต่การซื้อขายลักษณะนี้ก็ยังคงเป็นต่อไป เราจึงจะเห็นการโกงเงินจากการซื้อสินค้า แต่ไม่ได้สินค้าตามข่าวอยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งอาจมีที่ไม่เป็นข่าวอีกหลายกรณีเนื่องจากมูลค่าความเสียหายอาจจะไม่มากนัก แต่ความเสียหายก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะยิ่งเป็นการตัดโอกาสช่องทางทำมาหากินของผู้ที่ขายอย่างสุจริต ไม่ได้รับการไว้วางใจในภาพรวม การแก้ไขระบบการซื้อขายอย่างจริงจังควรเริ่มได้แล้ว ก่อนที่เมืองไทยจะไม่เหลือการซื้อขายจากพ่อค้ารายย่อย เหลือก็แต่พ่อค้ารายใหญ่ทุนหมื่นล้านเท่านั้น