ปัญหาใหญ่และต้องพบเจออยู่บ่อยครั้งของผู้ที่ใช้งานมือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาเกี่ยวกับสายชาร์จ ไม่ว่าจะเลือกซื้อแบบราคาถูกหรือราคาแพง แต่ผลสุดท้ายก็ยังต้องเจอกับปัญหาสายขาด ชาร์จไม่เข้า เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนบ่อยมากที่สุดในการใช้งานมือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ดังนั้นลองมาทำความเข้าใจกันดูว่าทำไมสายเหล่านี้มันจึงขาดง่ายและเสียง่ายจัง เดี๋ยวขาดนอก ขาดใน ทำให้อารมณ์เสียหรืออาจจะติดขัดในช่วงเวลาที่ต้องการใช้งานในเวลาสำคัญ แม้ว่าจะมี Power Bank ที่มีเอาไว้ชาร์จไฟในเวลาฉุกเฉินแต่หากไม่มีสายสำหรับเสียบชาร์จอุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่ได้มีความหมายในการใช้งานเลย
สำหรับผู้ที่เจอปัญหาเรื่องสายชาร์จอยู่บ่อยครั้งนั้น ก็ไม่อยากที่จะเสียเงินเพื่อซื้อสายแท้ในราคาแพงมาใช้งานเพราะมองว่าถึงอย่างไรก็พังอยู่ดี จึงไปเลือกซื้อสายแบบราคาถูกมาใช้งานกันเป็นส่วนใหญ่จนลืมคิดไปว่าสายราคาถูกหากซื้อบ่อยครั้งราคาก็สูงไม่ต่างจากสายแท้ ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองไม่ต่างกันแต่ในความจริงแล้วสายที่มาพร้อมกันกับเครื่องมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้น เป็นสายแท้และมีความแข็งแรงมากพอสมควรแต่สาเหตุที่ทำให้พังง่ายนั้นอาจเป็นเพราะพฤติกรรมในการใช้งานของแต่ละบุคคลมากกว่า เช่น บางคนใช้งานโทรศัพท์ในการเล่นแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังเสียบชาร์จไฟอยู่ หรืออาจจะใช้ในการคุยสนทนาในขณะที่เสียบชาร์จไฟอยู่ เมื่อสายบิดไปมาเพราะการใช้งานโอกาสที่จะขาดเสียหายก็เกิดขึ้นได้ง่าย ดังนั้นอาจไม่ได้เป็นเพราะสายไม่แข็งแรงทนทานอย่างเดียวแต่มันรวมเข้ากับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละคนเข้าไปด้วย
อะแดปเตอร์ก็มีความสำคัญในการใช้งานชาร์จไฟเข้ามือสมาร์ทโฟนหรืแท็บเล็ต เพราะแต่ละตัวจะรับกำลังไฟได้แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าเหมาะสมต่อการใช้งานชาร์จกับอุปกรณ์ชนิดใด หากเลือกสายชาร์จที่มีการรับกำลังไฟที่ต่างจากอแดปเตอร์ก็จะทำให้เครื่องมือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเกิดความร้อนได้เร็วขึ้นและส่งผลเสียต่อทั้งมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอย่างมากเลยทีเดียว แต่หากเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมในกล่องของมือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็จนั้นจะถูกทดสอบและดูความเหมาะสมในการใช้งานที่เหมาะกับการะแสไฟอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่ต้องการซื้อใหม่หรือซื้อแยกควรตรวจสอบกำลังไฟที่รับได้ให้ดีและเหมาะสมกันมากที่สุด เพื่อลดการเกิดไฟฟ้ารัดวงจรและเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้นของอุปกรณ์เสริมมือถือและแท็บเล็ตรวมถึงตัวของมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตด้วย
ความยาวของสายชาร์จก็มีส่วนสำคัญสำหรับผู้ใช้งาน เพราะจากการสำรวจทั่วไปแล้วคนเรามักใช้งานมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตอยู่ตลอดเวลา หากใช้สายที่สั้นเกินไปก็เสี่ยงที่จะถูกดึงหรือถูกกระตุกจนสายเสียหายได้ง่าย ดังนั้นจึงมีหลายผู้ผลิตพยายามผลิตสายที่มีความยาวเหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคนตั้งแต่ความยาว 1-5 เมตร เพราะในสมัยนี้การใช้งานอุปกรณ์ไอทีเหล่านี้ไม่ได้จำกัดพื้นที่ใช้งานแล้ว แม้แต่เข้าห้องน้ำ หรือเวลานอน และเวลาต่าง ๆ คนส่วนใหญ่ก็มีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ไอทีทั้งนั้น หากไม่เตรียมความยาวของสายให้เหมาะสมก็คงต้องเสียเงินซื้ออย่างบ่อยครั้งแน่นอน แต่ในส่วนของสายสั้นก็ยังได้รับความนิยมในการใช้งานอยู่พอสมควรเช่นกัน เพราะบางคนไม่ชื่นชอบความยาวของสายและกลัวว่าจะพันเวลาใช้งานจึงเลือกใช้สายแบบสั้นที่สะดวกกว่า
ในปัจจุบันมีการผลิตสายชาร์จให้มีความทนทานเพิ่มมากขึ้น ตัวสายสามารถลดการหัก งอ และขาดของสายไฟได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหัวชาร์จของสายยังมีความทนทานต่อความร้อนและกระแสไฟได้ดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว สายที่มีความแข็งแรงทนทานรุ่นใหม่ ๆ จะมีการห่อหุ้มสายไฟภายในแบบหนาขึ้นมาถึง 5 ชั้นขึ้นไป ส่วนช่วงหัวของสายจะผลิตมาจากอลูมิเนียม อัลลอย เป็นส่วนใหญ่เพื่อความทนทานให้มากที่สุดในการใช้งาน สีสันของสายก็จะมีความสวยงามและทันสมัยไม่ได้มีให้เลือกเพียงสายขาวและสายดำเท่านั้น ตัวสายสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้เป็นพลาสติกเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่จะถูกถักทอมาให้มีความสวยงามและเต็มไปด้วยความแข็งแรงทนทานอย่างมากที่สุด สามารถหาเลือกซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทั้งแบบนำเข้าเองและตัวแทนแบบกระจายสินค้าตามช่องออนไลน์หรือที่เรียกว่า Dropship นั้นเอง ในส่วนเรื่องของราคาจะมีความแตกต่างกันออกไปตามยี่ห้อและขนาดความยาวของสายเริ่มต้นที่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน
ข้อสังเกตสายชาร์จที่มีคุณภาพและเหมาะสมต่อการซื้อหามาใช้งาน คือ
· สายที่ดีและมีคุณภาพจะมีการบอกกำกับถึงการรับกระแสไฟได้มากน้อยเท่าไหร่มาที่กล่องอยู่เสมอ การเลือกสายควรให้เหมาะสมกับอแดปเตอร์ที่ใช้งานด้วยเพื่อความปลอดภัยและเพื่อความทนทานของสายและอุปกรณ์ไอทีที่ชาร์จไฟ หากทั้ง 2 อย่างนี้ไม่สามารถเข้ากันได้หรือรับกระแสไฟที่ต่างกันออกไปก็จะเกิดความเสียหายได้ง่าย ดังนั้น เรื่องกระแสไฟก็เป็นสิ่งสำคัญมากพอสมควรในการเลือกซื้อ หากสายไม่มีการบอกเกี่ยวกับเรื่องการรับกระแสไฟของสายนั้นหมายความว่าไม่มีคุณภาพและไม่มาตรฐานพอจึงไม่ควรที่จะเสี่ยงเลือกซื้อมาใช้งาน
· สายที่ดีต้องสามารถควบคุมกระแสไฟในการชาร์จได้เป็นอย่างดี การลื่นไหลของกระแสไฟต้องคงที่และต้องไม่ติดขัด หรือหากมีกระแสไฟที่เกินเข้าไปจะต้องสามารถตัดการไหลเวียนของกระแสไฟได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ไอทีที่นำมาชาร์จและเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไฟรัดวงจรอย่างที่เป็นข่าวให้ได้เห็นกันอยู่เสมอนั้นเอง ดังนั้น ควรเลือกซื้อสายที่มีมาตรฐานและผ่านการทดสอบและมีการยอมรับมาใช้งาน และที่สำคัญของดีราคาถูกนั้นไม่มีอย่างแน่นอนแต่จะมีเพียงของดีที่ราคาเหมาะสมเท่านั้นที่สามารถหาซื้อมาใช้ได้อย่างมั่นใจมากที่สุด
· เมื่อเสียบสายเข้ากับ USB cable แล้วสายจะต้องสามารถอ่านข้อมูลและถ่ายโอนข้อมูลได้เป็นอย่างดี หากไม่สามารถทำได้อาจจะเกิดจากมีส่วนใดส่วนหนึ่งของสายขาดหรือผิดรูปรวมถึงสายอาจจะมีคุณภาพไม่ดีพอสมควรจึงไม่สามารถเชื่อมต่อได้นั้นเอง
· สายทีมีคุณภาพและน่าซื้อหามาใช้งานต้องมีการรับประกันจากผู้ขายเอาไว้ด้วย เพื่อความมั่นใจในการใช้งานหากเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็สามารถเครมหรือเปลี่ยนสินค้าได้อยู่ตลอดเวลา หากเป็นสายที่รับประกันเพียงระยะเวลาไม่กี่วันก็ไม่เหมาะที่จะซื้อนำมาใช้งาน เพราะมีความเสี่ยงสูงมากแต่ที่มีการรับประกันเอาไว้ก็เป็นเพียงแค่เทคนิคในการขายของแต่ละร้านเท่านั้นระยะเวลาในการรับประกันส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 7 วันเท่านั้น ต่างจากสายที่มีมาตรฐานจะรับประกันเป็นเวลาหลายเดือนหรือบางยี่ห้อมีการรับประกันเป็นปี
สายชาร์จแต่ละแบบมีความเหมาะสมกับการใช้งานในเรื่องชาร์จไฟที่แตกต่างกันออกไปจึงต้องเลือกสายที่เหมาะสมและตรงรุ่นของมือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของแต่ละบุคคลให้ดี แม้ว่าหัวชาร์จของสายแต่ละสายจะมีความเหมือนกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้งานร่วมกันได้เสมอ หากลองสังเกตดูให้ดีเมื่อใช้สาที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ไอทีของตนเองแล้วการชาร์จไฟจะรวดเร็วหรือการถ่ายโอนข้อมูลจะสามารถทำได้อย่ารวดเร็วและไม่ติดขัด แต่หากไม่ได้ใช้สายของตนเองหรือซื้อสายที่ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ของตนเองจะรู้สึกได้เลยว่าการชาร์จจะช้าลงหรืออาจจะตัดเองอยู่เสมอ การถ่ายโอนข้อมูลก็ช้าลงเป็นอย่างมากส่งผลเสียและความล่าช้าต่อการใช้อุปกรณ์ไอทีพอสมควร ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรเลือกให้ดีและต้องเหมาะกับอุปกรณ์ไอทีของตนเองให้มากที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อ